【หวย หุ้น 10 คู่ วัน นี้⏩【v52dd.com】⏪】เครดิต ฟรี กด รับ เอง joker v52dd.comดูตลาดที่อยู่อาศัยไทยและกำลังซื้อต่างชาติ ถึงเวลาไทยปรับระบบภาษี
作者:สารานุกรม 来源:ข่าว 浏览: 【大 中 小】 เวลาวางจำหน่าย:2023-01-27 15:08:29 评论数:
โสภณ พรโชคชัย
ประธานกรรมการบริหาร ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย
บจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์สดูตลาดที่อยู่อาศัยไทยและกำลังซื้อต่างชาติถึงเวลาไทยปรับระบบภาษี
[email protected]ดูตลาดที่อยู่อาศัยไทยและกำลังซื้อต่างชาติถึงเวลาไทยปรับระบบภาษี
ชื่อบทความเดิม: ประมวลภาพตลาดที่อยู่อาศัยไทยและกำลังซื้อต่างชาติดูตลาดที่อยู่อาศัยไทยและกำลังซื้อต่างชาติถึงเวลาไทยปรับระบบภาษี
ดูตลาดที่อยู่อาศัยไทยและกำลังซื้อต่างชาติถึงเวลาไทยปรับระบบภาษี
หากอนุมานว่า ในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา (พ.ศ.2547-2556) มีชาวต่างชาติมาซื้อที่อยู่อาศัยประมาณ 7 เท่าของมูลค่าที่มีการซื้อขายในปี พ.ศ.2555 (เพราะในช่วงแรกและบางปีเช่นช่วงวิกฤติการณ์ทางการเมือง อาจยังมีต่างชาติซื้อไม่มากนัก) ก็เท่ากับปัจจุบันมีที่อยู่อาศัยที่ครอบครองโดยต่างชาติประมาณ 469,217 ล้านบาท หากมีการเสียภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างปีละ 1% เช่นในสหรัฐอเมริกา ก็จะมีเงินมาบำรุงประเทศถึง 4,692.17 ล้านบาทต่อปี และหากประเทศไทยคิดค่าธรรมเนียมโอนแก่ชาวต่างชาติสูงถึง 5% ณ วันโอน (สิงคโปร์คิด 10% สำหรับชาวต่างชาติ) รัฐบาลก็จะได้เงินมาพัฒนาประเทศสูงถึง 23,460.85 ล้านบาท แต่ที่ผ่านมาประเทศไทยสูญเสียโอกาสไปเปล่า ๆดูตลาดที่อยู่อาศัยไทยและกำลังซื้อต่างชาติถึงเวลาไทยปรับระบบภาษี
ในจำนวนมูลค่าที่อยู่อาศัยที่ขายได้ทั้งหมดในช่วงปี พ.ศ.2555 ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธานกรรมการบริหาร ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก.เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส ประเมินไว้ทั้งหมด 578,588 ล้านบาท คิดเป็นจำนวนหน่วยรวมถึง 206,562 ซึ่งนับว่าสูงที่สุดในประเทศอาเซียนทั้ง 10 ประเทศ ทั้งนี้ สามารถแบ่งออกเป็น 20 อันดับนครจากทั้งหมดประมาณ 90 นครหลักทั่วประเทศตามมูลค่าของที่อยู่อาศัยที่ขายได้ในปี พ.ศ.2555 ดังนี้:ดูตลาดที่อยู่อาศัยไทยและกำลังซื้อต่างชาติถึงเวลาไทยปรับระบบภาษี
1. กทม-ปริมณฑล 52.0%ดูตลาดที่อยู่อาศัยไทยและกำลังซื้อต่างชาติถึงเวลาไทยปรับระบบภาษี
2. พัทยา 6.3%ดูตลาดที่อยู่อาศัยไทยและกำลังซื้อต่างชาติถึงเวลาไทยปรับระบบภาษี
3. ภูเก็ต 5.3%ดูตลาดที่อยู่อาศัยไทยและกำลังซื้อต่างชาติถึงเวลาไทยปรับระบบภาษี
4. ชะอำ-หัวหิน 5.0%ดูตลาดที่อยู่อาศัยไทยและกำลังซื้อต่างชาติถึงเวลาไทยปรับระบบภาษี
5. เชียงใหม่ 3.9%ดูตลาดที่อยู่อาศัยไทยและกำลังซื้อต่างชาติถึงเวลาไทยปรับระบบภาษี
6. หาดใหญ่ 1.9%ดูตลาดที่อยู่อาศัยไทยและกำลังซื้อต่างชาติถึงเวลาไทยปรับระบบภาษี
7. ขอนแก่น 1.8%ดูตลาดที่อยู่อาศัยไทยและกำลังซื้อต่างชาติถึงเวลาไทยปรับระบบภาษี
8. เมืองระยอง 1.4%ดูตลาดที่อยู่อาศัยไทยและกำลังซื้อต่างชาติถึงเวลาไทยปรับระบบภาษี
9. ศรีราชา 1.3%ดูตลาดที่อยู่อาศัยไทยและกำลังซื้อต่างชาติถึงเวลาไทยปรับระบบภาษี
10. เมืองชลบุรี 1.2%ดูตลาดที่อยู่อาศัยไทยและกำลังซื้อต่างชาติถึงเวลาไทยปรับระบบภาษี
11. บางแสน 1.1%ดูตลาดที่อยู่อาศัยไทยและกำลังซื้อต่างชาติถึงเวลาไทยปรับระบบภาษี
12. นครราชสีมา 1.1%ดูตลาดที่อยู่อาศัยไทยและกำลังซื้อต่างชาติถึงเวลาไทยปรับระบบภาษี
13. สุราษฎร์ธานี 0.8%ดูตลาดที่อยู่อาศัยไทยและกำลังซื้อต่างชาติถึงเวลาไทยปรับระบบภาษี
14. สัตหีบ 0.7%ดูตลาดที่อยู่อาศัยไทยและกำลังซื้อต่างชาติถึงเวลาไทยปรับระบบภาษี
15. นครปฐม 0.6%ดูตลาดที่อยู่อาศัยไทยและกำลังซื้อต่างชาติถึงเวลาไทยปรับระบบภาษี
16. อุดรธานี 0.6%ดูตลาดที่อยู่อาศัยไทยและกำลังซื้อต่างชาติถึงเวลาไทยปรับระบบภาษี
17. อยุธยา 0.6%ดูตลาดที่อยู่อาศัยไทยและกำลังซื้อต่างชาติถึงเวลาไทยปรับระบบภาษี
18. เชียงราย 0.6%ดูตลาดที่อยู่อาศัยไทยและกำลังซื้อต่างชาติถึงเวลาไทยปรับระบบภาษี
19. บ่อวิน 0.6%ดูตลาดที่อยู่อาศัยไทยและกำลังซื้อต่างชาติถึงเวลาไทยปรับระบบภาษี
20. สมุย 0.4%ดูตลาดที่อยู่อาศัยไทยและกำลังซื้อต่างชาติถึงเวลาไทยปรับระบบภาษี
ดูตลาดที่อยู่อาศัยไทยและกำลังซื้อต่างชาติถึงเวลาไทยปรับระบบภาษี
จะเห็นได้ว่า กรุงเทพมหานครและปริมณฑลมีขนาดใหญ่สุด ถึง 52% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมดทั่วประเทศ โดยมีพัทยา (6.3%) ภูเก็ต (5.3%) ชะอำ-หัวหิน (5.0%) และ เชียงใหม่ (3.9%) ตามมาเป็นอันดับที่ 2-5 ตามลำดับ หากพิจารณาจากมูลค่าเฉพาะ 5 นครแรก จะพบว่ามีมูลค่ารวมกันสูงถึง 72.5% หรือสามในสี่ของทั้งหมด หากพิจารณาถึง 10 นครแรก มูลค่าที่ขายในปี พ.ศ.2555 จะสูงถึง 80.1% ของทั้งหมดเลยทีเดียวดูตลาดที่อยู่อาศัยไทยและกำลังซื้อต่างชาติถึงเวลาไทยปรับระบบภาษี
จะสังเกตได้ว่าเมืองหลัก ๆ ที่มีผู้ซื้อที่อยู่อาศัยมากนั้น โดยเฉพาะใน 5 อันดับแรก ส่วนมากเป็นเมืองท่องเที่ยว ในขณะที่เมืองหลักในจังหวัดภูมิภาค มีผู้ซื้อในปี พ.ศ.2555 อยู่ไม่มากนักเช่น หาดใหญ่ (1.9%) ขอนแก่น (1.8%) นครราชสีมา (1.1%) สุราษฎร์ธานี (0.8%) อุดรธานี (0.6%) และเชียงราย (0.6%) เท่านั้น ในหลายพื้นที่หน่วยที่ขายได้ในปี พ.ศ.2555 มีมากกว่าหน่วยที่เปิดใหม่ในปีเดียวกันเสียอีก โดยเฉพาะในกรณีของกรุงเทพมหานครและปริมณฑล แสดงว่าตลาดอยู่ในช่วงเติบโตดีดูตลาดที่อยู่อาศัยไทยและกำลังซื้อต่างชาติถึงเวลาไทยปรับระบบภาษี
สำหรับสินค้าที่ยังเหลือเข้ามาขายในปี พ.ศ.2556 นั้น ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธานกรรมการบริหาร ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก.เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส ประมาณการไว้ว่ามีอีกถึง 833,311 ล้านบาท รวมทั้งหมด 247,912 หน่วย ซึ่งมากกว่าหน่วยที่ขายได้ในปี พ.ศ.2555 โดยสามารถแยกแยะนคร 10 อันดับแรกที่มีหน่วยขายที่ยังเหลือเข้ามาขายปี พ.ศ.2556 ตามมูลค่าที่อยู่อาศัยได้ดังนี้ดูตลาดที่อยู่อาศัยไทยและกำลังซื้อต่างชาติถึงเวลาไทยปรับระบบภาษี
1. กทม-ปริมณฑล 50.0%ดูตลาดที่อยู่อาศัยไทยและกำลังซื้อต่างชาติถึงเวลาไทยปรับระบบภาษี
2. พัทยา 8.4%ดูตลาดที่อยู่อาศัยไทยและกำลังซื้อต่างชาติถึงเวลาไทยปรับระบบภาษี
3. ภูเก็ต 7.3%ดูตลาดที่อยู่อาศัยไทยและกำลังซื้อต่างชาติถึงเวลาไทยปรับระบบภาษี
4. เชียงใหม่ 5.1%ดูตลาดที่อยู่อาศัยไทยและกำลังซื้อต่างชาติถึงเวลาไทยปรับระบบภาษี
5. ขอนแก่น 3.9%ดูตลาดที่อยู่อาศัยไทยและกำลังซื้อต่างชาติถึงเวลาไทยปรับระบบภาษี
6. ชะอำ-หัวหิน 3.6%ดูตลาดที่อยู่อาศัยไทยและกำลังซื้อต่างชาติถึงเวลาไทยปรับระบบภาษี
7. สมุย 1.2%ดูตลาดที่อยู่อาศัยไทยและกำลังซื้อต่างชาติถึงเวลาไทยปรับระบบภาษี
8. พระนครศรีอยุธยา 1.0%ดูตลาดที่อยู่อาศัยไทยและกำลังซื้อต่างชาติถึงเวลาไทยปรับระบบภาษี
9. หาดใหญ่ 0.9%ดูตลาดที่อยู่อาศัยไทยและกำลังซื้อต่างชาติถึงเวลาไทยปรับระบบภาษี
10. นครราชสีมา 0.8%ดูตลาดที่อยู่อาศัยไทยและกำลังซื้อต่างชาติถึงเวลาไทยปรับระบบภาษี
ดูตลาดที่อยู่อาศัยไทยและกำลังซื้อต่างชาติถึงเวลาไทยปรับระบบภาษี
ในจำนวน 5 อันดับแรกนั้น มีมูลค่าของหน่วยขายเหลือจากปี พ.ศ.2555 เข้ามาขายในปี พ.ศ.2556 ถึง 74.7% หรือราวสามในสี่ของทั้งหมดทั่วประเทศ ทั้งนี้อันดับที่สองยังเป็น พัทยา (8.4%) รองลงมาก็ยังเป็นภูเก็ต (7.3%) แต่อันดับสี่เปลี่ยนเป็น เชียงใหม่ (5.1%) และอันดับห้าคือขอนแก่น (3.9%) ทั้งนี้ชะอำ-หัวหิน ตกมาเป็นอันดับที่หกคือ 3.6% แสดงว่าที่ชะอำ-หัวหินขายได้ดีมาก เหลือมูลค่าของหน่วยขายน้อยมากดูตลาดที่อยู่อาศัยไทยและกำลังซื้อต่างชาติถึงเวลาไทยปรับระบบภาษี
จะสังเกตได้ว่าพัทยามีสัดส่วนถึงประมาณหนึ่งในหกของกรุงเทพมหานคร 8.4% และแม้พัทยาจะมีสัดส่วนของมูลค่าของสินค้ามากเมื่อเทียบกับมูลค่าของสินค้าที่ขายได้แล้วในปี พ.ศ.2555 ก็ตาม แต่ปรากฏว่าพัทยาสามารถขายสินค้าได้เร็วมาก โดยคาดว่าสินค้าที่เหลือเข้ามาขายในปี พ.ศ.2555 นั้นจะขายหมดในเวลาเพียง 6 เดือน ในกรุงเทพมหานครที่มีหน่วยขายเหลืออยู่มากนั้นจะขายหมดได้ในเวลาประมาณ 12 เดือนดูตลาดที่อยู่อาศัยไทยและกำลังซื้อต่างชาติถึงเวลาไทยปรับระบบภาษี
อีกประเด็นหนึ่งที่เป็นที่สนใจของส่วนรวมก็คือการซื้ออสังหาริมทรัพย์ของชาวต่างชาติ ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธานกรรมการบริหาร ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก.เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส ได้ประมาณการไว้ว่า ในปี พ.ศ.2555 ที่ผ่านมามีต่างชาติซื้ออสังหาริมทรัพย์ไปทั้งหมดรวมกันทั่วประเทศประมาณ 67,031 ล้านบาท ซึ่งเป็นเพียง 11.6% ของมูลค่าที่อยู่อาศัยที่ขายอยู่ทั้งหมด 578,588 ล้านบาทดูตลาดที่อยู่อาศัยไทยและกำลังซื้อต่างชาติถึงเวลาไทยปรับระบบภาษี
ดูตลาดที่อยู่อาศัยไทยและกำลังซื้อต่างชาติถึงเวลาไทยปรับระบบภาษี
สำหรับมูลค่าที่อยู่อาศัยที่ต่างชาติเข้าซื้อ 15 อันดับแรกซึ่งเป็นถือเป็นพื้นที่เป้าหมายของต่างชาติได้แก่ดูตลาดที่อยู่อาศัยไทยและกำลังซื้อต่างชาติถึงเวลาไทยปรับระบบภาษี
อันดับที่ นคร มูลค่า (ล้านบาท) % ทั่วประเทศดูตลาดที่อยู่อาศัยไทยและกำลังซื้อต่างชาติถึงเวลาไทยปรับระบบภาษี
1. กทม-ปริมณฑล 18,052 26.9%ดูตลาดที่อยู่อาศัยไทยและกำลังซื้อต่างชาติถึงเวลาไทยปรับระบบภาษี
2. ภูเก็ต 14,164 21.1%ดูตลาดที่อยู่อาศัยไทยและกำลังซื้อต่างชาติถึงเวลาไทยปรับระบบภาษี
3. พัทยา 13,176 19.7%ดูตลาดที่อยู่อาศัยไทยและกำลังซื้อต่างชาติถึงเวลาไทยปรับระบบภาษี
4. ชะอำ-หัวหิน 7,275 10.9%ดูตลาดที่อยู่อาศัยไทยและกำลังซื้อต่างชาติถึงเวลาไทยปรับระบบภาษี
5. เชียงใหม่ 2,241 3.3%ดูตลาดที่อยู่อาศัยไทยและกำลังซื้อต่างชาติถึงเวลาไทยปรับระบบภาษี
6. หาดใหญ่ 1,656 2.5%ดูตลาดที่อยู่อาศัยไทยและกำลังซื้อต่างชาติถึงเวลาไทยปรับระบบภาษี
7. สมุย 1,405 2.1%ดูตลาดที่อยู่อาศัยไทยและกำลังซื้อต่างชาติถึงเวลาไทยปรับระบบภาษี
8. เมืองระยอง 1,219 1.8%ดูตลาดที่อยู่อาศัยไทยและกำลังซื้อต่างชาติถึงเวลาไทยปรับระบบภาษี
9. ศรีราชา 1,141 1.7%ดูตลาดที่อยู่อาศัยไทยและกำลังซื้อต่างชาติถึงเวลาไทยปรับระบบภาษี
10. ขอนแก่น 1,014 1.5%ดูตลาดที่อยู่อาศัยไทยและกำลังซื้อต่างชาติถึงเวลาไทยปรับระบบภาษี
11. บางแสน 642 1.0%ดูตลาดที่อยู่อาศัยไทยและกำลังซื้อต่างชาติถึงเวลาไทยปรับระบบภาษี
12. นครราชสีมา 500 0.7%ดูตลาดที่อยู่อาศัยไทยและกำลังซื้อต่างชาติถึงเวลาไทยปรับระบบภาษี
13. อุดรธานี 497 0.7%ดูตลาดที่อยู่อาศัยไทยและกำลังซื้อต่างชาติถึงเวลาไทยปรับระบบภาษี
14. เชียงราย 494 0.7%ดูตลาดที่อยู่อาศัยไทยและกำลังซื้อต่างชาติถึงเวลาไทยปรับระบบภาษี
15. สัตหีบ 411 0.6%ดูตลาดที่อยู่อาศัยไทยและกำลังซื้อต่างชาติถึงเวลาไทยปรับระบบภาษี
ดูตลาดที่อยู่อาศัยไทยและกำลังซื้อต่างชาติถึงเวลาไทยปรับระบบภาษี
เฉพาะ 5 นครแรก มีต่างชาติซื้อขายถึง 81.9% หรือสี่ในห้าของการซื้อขายโดยชาวต่างชาติทั้งหมด โดยนครที่เด่น ๆ ได้แก่ ภูเก็ต (21.1%) พัทยา (19.7%) ชะอำ-หัวหิน (10.9%) เชียงใหม่ (3.3%) หาดใหญ่ (2.5%) สมุย (2.1%) เมืองระยอง (1.8%) ศรีราชา (1.7%) และ ขอนแก่น (1.5%) จะเห็นได้ว่าในกรณีนี้ภูเก็ตแซงหน้าพัทยา เพราะเป็นพื้นที่เป้าหลายหลักของต่างชาติรองจากกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ในกรณีชะอำ-หัวหิน ซึ่งเป็นแหล่งตากอากาศ ก็มีต่างชาติซื้อมากเช่นกัน รวมทั้งเชียงใหม่ หาดใหญ่ และสมุย เป็นต้นดูตลาดที่อยู่อาศัยไทยและกำลังซื้อต่างชาติถึงเวลาไทยปรับระบบภาษี
หากประเทศไทยเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ณ อัตราประมาณ 1% ต่อปี เช่นเดียวกับในสหรัฐอเมริกา ก็เท่ากับได้เงินภาษีมาพัฒนาท้องถิ่นอีกปีละ 670.31 ล้านบาท แต่ในประเทศไทยไม่มีภาษีนี้ จึงเท่ากับให้สิทธิต่างชาติซื้อที่อยู่อาศัยโดยไมต้องเสียภาษีส่วนนี้เลย จึงถือเป็นความเสียเปรียบของประเทศต่อชาวต่างชาติดูตลาดที่อยู่อาศัยไทยและกำลังซื้อต่างชาติถึงเวลาไทยปรับระบบภาษี
หากอนุมานว่า ในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา (พ.ศ.2547-2556) มีชาวต่างชาติมาซื้อที่อยู่อาศัยประมาณ 7 เท่าของมูลค่าที่มีการซื้อขายในปี พ.ศ.2555 (เพราะในช่วงแรกและบางปีเช่นช่วงวิกฤติการณ์ทางการเมือง อาจยังมีต่างชาติซื้อไม่มากนัก) ก็เท่ากับปัจจุบันมีที่อยู่อาศัยที่ครอบครองโดยต่างชาติประมาณ 469,217 ล้านบาท หากมีการเสียภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างปีละ 1% เช่นในสหรัฐอเมริกา ก็จะมีเงินมาบำรุงประเทศถึง 4,692.17 ล้านบาทต่อปี และหากประเทศไทยคิดค่าธรรมเนียมโอนแก่ชาวต่างชาติสูงถึง 5% ณ วันโอน (สิงคโปร์คิด 10% สำหรับชาวต่างชาติ) รัฐบาลก็จะได้เงินมาพัฒนาประเทศสูงถึง 23,460.85 ล้านบาท แต่ที่ผ่านมาประเทศไทยสูญเสียโอกาสไปเปล่า ๆดูตลาดที่อยู่อาศัยไทยและกำลังซื้อต่างชาติถึงเวลาไทยปรับระบบภาษี
จะสังเกตได้ว่าเงินที่มีการซื้อขายโดยชาวต่างชาติมีไม่มากนัก และไม่ได้ถึงขนาดช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจแต่อย่างใด อย่างไรก็ตามการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์โดยชาวต่างชาตินั้น ถือเป็นการกระจายการลงทุนของพวกเขา และในต่างประเทศก็สามารถทำได้ ในประเทศไทยก็สามารถทำได้ หากกำหนดให้มีการเสียภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างรายปี และเสียค่าธรรมเนียมโอนพิเศษเช่นที่ประเทศสิงคโปร์เก็บกับชาวต่างชาติ แต่ปัญหาของไทยก็คือ ชนชั้นสูงผู้มีอำนาจคงไม่ยอมที่จะเสียภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างดูตลาดที่อยู่อาศัยไทยและกำลังซื้อต่างชาติถึงเวลาไทยปรับระบบภาษี
ประเทศไทยควรให้มีการลงทะเบียนผู้ซื้ออสังหาริมทรัพย์ต่างชาติเพื่อความมั่นคงของประเทศและเพื่อการจัดเก็บภาษีในภายหลัง ซึ่งต่างชาติก็คงยินดีเสียภาษีเช่นที่พวกเขาปฏิบัติกันในประเทศของตน กรณีการซื้อขายในนาม Nominee ก็ให้มีการเช่าให้เรียบร้อย โดยกำหนดระยะเวลาไว้ 50 ปี และเก็บภาษีให้ถูกต้อง เพื่อเป็นการคุ้มครองผู้ซื้อชาวต่างชาติด้วยดูตลาดที่อยู่อาศัยไทยและกำลังซื้อต่างชาติถึงเวลาไทยปรับระบบภาษี
ขณะเดียวกัน ก็ควรมีค่าปรับที่สูงหากไม่มาจดแจ้งให้ถูกต้อง รวมทั้งมีค่าชี้ช่องการเป็น Nominee โดยให้ค่าชี้ช่องประมาณ 0.5% ของมูลค่าทรัพย์สินที่ประเมินตามราคาตลาดเป็นต้น ทั้งนี้จะทำให้การสร้างฐานข้อมูลการซื้อขายโดยชาวต่างชาติเกิดขึ้นจริง และรัฐบาลจะสามารถบริหารนโยบายอสังหาริมทรัพย์ด้วยข้อมูลที่เป็นจริงดูตลาดที่อยู่อาศัยไทยและกำลังซื้อต่างชาติถึงเวลาไทยปรับระบบภาษี
ดูตลาดที่อยู่อาศัยไทยและกำลังซื้อต่างชาติถึงเวลาไทยปรับระบบภาษี